การเป็นพนักงานจะมีกฏระเบียบบังคับให้ต้องปฏิบัติตาม เมื่อปฏิบัติตามบ่อยๆ ก็จะเกิดเป็นความเคยชินและกลายเป็นคนมีระเบียบวินัย ส่วนพนักงานอิสระ ชีวิตเต็มไปด้วยความอิสระ ดังนั้นจะต้องฝึกวินัยในตัวเองให้มากกว่าการพนักงานบริษัท เพราะความอิสระจะนำมาซึ่งปัญหาแทบทุกเรื่องทั้งที่เกี่ยวกับเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว

 

การทำงานส่วนตัวจะต้องตั้งกฏระเบียบต่างๆ เหมือนการทำงานในบริษัท มีเวลาเข้าออก วันหยุด วันพักผ่อนให้ตรงกันกับพนักงานบริษัท อย่าทำตัวอิสระ อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ทำ กรณีนั้นจะสร้างปัญหาในการทำงานในอนาคต เรื่องวินัยชีวิตนั้น ต้องมากกว่าคนทำงานบริษัทหลายเท่าตัว ไม่เช่นนั้น รอดยาก!!!

 

การทำงานอิสระ ความหมายของคำว่าอิสระ ในที่นี้จะหมายถึงมีอิสระที่จะเลือกทำงาน แต่กระบวนการทำงานจะทำตัวอิสระไม่ได้ งานก็พังพอดี การจะทำตัวให้มีอิสระได้นั้น จะต้องสร้างรายได้ที่มั่นคงให้ได้เสียก่อน เป็นรายได้โดยไม่ต้องทำงาน แต่มีเงินใช้ไม่มีวันหมด เมื่อนั้นชีวิตก็จะมีอิสระ สมกับคำว่า อาชีพอิสระ แต่กว่าจะถึงจุดนั้นได้นั้น ต้องใช้เวลาเป็นปีๆ

 

คนส่วนใหญ่เข้าใจงานอิสระแบบผิดๆ อิจฉาคนทำงานแบบนี้ อิจฉาที่มีเวลาว่าง อยากทำอะไรก็ได้ทำ ไม่ต้องมีเจ้านายมาสั่ง มีเวลาว่างในนั่งจิบกาแฟ แต่ความเป็นจริงแล้ว นั่นคือการสร้างนิสัยไม่ดี ที่เป็นอันตรายกับการทำอาชีพอิสระ จะส่งผลให้ชีวิตขาดวินัย ในช่วงเริ่มต้นต้องมีระเบียบวินัยสูงมาก สูงกว่าการเป็นพนักงานบริษัท เพราะการสร้างวินัยด้านต่างๆ จะช่วยให้ประสบความสำเร็จกับการทำอาชีพส่วนตัวในอนาคต

 

ตัวอย่างการสร้างระเบียบวินัยชีวิตแบบต่างๆ

1. กำหนดสถานที่ทำงาน ห้องทำงานให้เป็นสัดส่วน

สถานที่ทำงานต้องเป็นสัดส่วน ไม่ใช่ย้ายไปย้ายมา ห้ามขยับ อะไรวางไว้ตรงไหน ก็วางไว้ตรงนั้น การขยับตัวไปทำงานหน้าบ้านบ้าง ตามร้านกาแฟบ้าง ฯลฯ ไม่ใช่เรื่องดี จะสร้างปัญหาในการทำงานในอนาคต

 

การมีที่ทำงานเป็นหลักแหล่งจะช่วยลดการทำงานของสมอง การจำ เพราะเมื่อมานั่งเก้าอี้ประจำ อะไรวางไว้ตรงไหน มือไม้จะขยับไปเองอัตโนมัติ งานใดทำถึงไหนแล้วแค่เปิดบันทึกขึ้นมาดู ก็จะรู้ได้ทันที ไม่เสียเวลา ผู้เขียนชอบย้ายที่ทำงานบ่อยๆ ทำให้จำอะไรไม่ค่อยได้ ว่าทำงานใด ไปถึงไหนแล้ว งานก็ไม่คืบหน้า

 

2. สร้างวินัยในการจดบันทึกการทำงาน

ผู้เขียนแนะนำให้ใช้แฟ้มหรือไดอะรี่จดบันทึกการทำงานแต่ละอย่างไว้ หรือกรณีทำงานอย่างเดียว ก็แนะนำให้ใช้ไดอะรี่เล่มโตๆ หาซื้อกระดาษ A4 สักรีม แล้วนำมาเย็บเป็นเล่ม ไว้จดบันทึกการทำงาน ทำอะไรถึงไหนแล้ว ก็จดบันทึกไว้ ให้ละเอียด ต้องฝึกการทำงานให้เป็นระบบระเบียบแบบนี้

 

ข้อดีของการจดบันทึกจะช่วยลดการทำงานของสมอง เพราะเมื่อเปิดอ่านไปหน้าใด ก็จะระลึกได้ทันทีว่า ทำอะไรถึงไหนแล้ว ไม่เหมือนการเก็บเป็นไฟล์ไว้ในคอมพิวเตอร์ ซึ่งบางทีอาจจะนั่งนึกอยู่นานว่าเก็บไฟล์อะไรไว้ตรงไหน ยิ่งทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ก็อาจจะมีอาการหลงๆ ลืมๆ ได้หน้าลืมหลัง

 

3. การสร้างวินัยเรื่องเวลาในการทำงาน

การทำงานอิสระจะต้องมีวินัยในเรื่องเวลาทำงาน ต้องเข้มงวดกับเรื่องนี้ไม่ต่างไปจากการทำงานบริษัท เช่น เวลาทำงาน หยุดพักเที่ยง เลิกงาน วันหยุด ต้องให้ตรงกันกับการทำงานของพนักงานบริษัท ถ้าผิดไปจากนี้ มีโอกาสไปไม่รอด

 

เพราะหากไม่ทำงานตามเวลาที่กำหนด ก็จะไม่ได้งานอย่างที่คิด งานไม่เดิน สุดท้ายก็จะมีปัญหาในการทำงาน ข้อดีของการปฏิบัติตัวแบบนี้ก็คือ เพื่อป้องกันไม่ให้บางคนเข้ามายุ่ง วุ่นวายกับเรามากเกินไป เช่น เห็นว่าว่างก็เลยชวนไปไหนต่อไหน หรือไหว้วานให้ช่วยเหลือ เพราะเข้าใจผิดว่างานส่วนตัว จะทำตอนไหนก็ได้ ไม่มีปัญหา แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างที่คิด

 

การถูกขัดจังหวะทำให้เสียสมาธิ งานไม่คืบหน้า การทำงานอิสระอย่างงานออนไลน์ งานที่ต้องใช้สมาธิค่อนข้างสูง จึงควรแยกตัวหาที่ทำงานที่ยากจะถูกรบกวน ไม่เช่นนั้น งานการก็ยากจะสำเร็จ

 

ผู้เขียนเจอปัญหานี้มาทั้งชีวิต คนรอบตัวส่วนใหญ่เข้าใจว่า งานอิสระ จะทำตอนไหนก็ได้ ไม่มีปัญหา อยากจะชวนไปไหน หรือขอให้ช่วยเหลืออะไร ก็จะไม่เกรงใจ ทำให้เสียการเสียงานอย่างมาก เพราะการถูกขัดจังหวะ ก็จะทำงานไม่ต่อเนื่อง ทำให้ต้องมานับหนึ่งใหม่ ได้ถึง 100 สักที งานบางชิ้นใช้เวลาร่วมปี กว่าจะเสร็จ หากไม่ทำอย่างจริงจัง

เรื่องเวลาทำงานนั้น จะเริ่มทำตัวสบายๆ ได้ก็ต่อเมื่อ มีการนำเงินที่ได้จากการทำงานไปลงทุนจนเกิดดอกออกผล เช่น ฝากธนาคารมีดอกเบี้ย มีบ้านให้เช่า ฯลฯ มีรายได้โดยไม่ต้องทำงาน ตอนนั้นจะทำตัวอย่างไรก็ไม่มีปัญหา ไม่ต้องสนใจเรื่องเวลาทำงาน เพราะไม่ต้องทำงานก็มีเงินใช้ หากยังไม่สำเร็จถึงขั้นนั้น ก็อย่าได้ทำตัวอิสระ อย่างเด็ดขาด

 

4. การสร้างวินัยการเงิน

การทำงานส่วนตัววินัยการเงินเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ต้องระวังอย่าสร้างนิสัยใช้จ่ายขาดระเบียบวินัย ฟุ่มเฟือย อย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นชีวิตก็มีแต่พังกับพัง

 

แนวทางแก้ปัญหาเบื่องต้นหากขาดวินัยการเงิน

กรณีเป็นคนที่ไม่มีระเบียบวินัยการเงิน โดยเฉพาะคนโสด ก็อาจจะใช้วิธีจัดการกับตัวเองแบบต่างๆ เช่น
1. ให้คนอื่นควบคุมการเงิน ดูแลการเงิน หากมีการเบิกถอน แต่ละเดือนก็ตั้งไว้ให้พอดี แต่หากมีการถอนมากกว่านั้น ก็ต้องจ่ายเงินค่าดำเนินการให้กับคนดูแลการเงิน หรือไม่ก็ใช้บริการโอนเงินแบบตั้งเวลา โดยให้โอนเงินทุกสัปดาห์ เช่นโอนเงินทุกวันจันทร์ครั้งละ 1,000 บาท เพราะหากโอนมามากกว่านั้นจะใช้หมดก่อนสิ้นเดือน จึงจำกัดไว้อาทิตย์ละ 1,000 บาท เป็นต้น

2. ย้ายไปอยู่ไกลๆ ห่างไกลแหล่งที่สามารถใช้เงิน อาจจะย้ายไปอยู่ในต่างจังหวัดไกลๆ เพื่อไม่ให้มีที่ใช้เงิน แต่ก็ต้องระวังเวลาออกจากป่า ก็จะใช้เงินแบบตายอดตายอยาก ไม่มีเหลือเหมือนเดิม

3. หยุดใช้รถยนต์ จักรยานยนต์ เพื่อไม่ให้สามารถเดินทางไปไหนได้ไกลนัก การมียานพาหนะเหล่านี้ จะช่วยให้ใช้เงินมากขึ้น ไหนจะค่าน้ำมัน ค่าอาหาร การเที่ยวเตร่ โดยเฉพาะคนที่ทำงานโดยไม่ต้องติดต่อกับลูกค้า ก็ไม่จำเป็นต้องมีรถเหล่านี้

4. ทันทีที่เงินเดือนออก ก็รีบแบ่งเงินในส่วนที่จำเป็นต้องใช้ทั้งเดือน แยกต่างหาก แล้วก็รีบซื้อข้าวของ เครื่องใช้ที่จำเป็น ชั่วโมงเน็ต
หรือสิ่งต่างๆ ให้ครบ ส่วนเงินที่เหลือ รีบโยกไปบัญชีอื่น หรือรีบนำไปลงทุนทันที อย่าให้มีเงินเหลือ


** หากใช้เงินเก่ง และมักจะใช้หมดก่อนสิ้นเดือน ขาดอีกเล็กน้อย ก่อนเงินเดือนงวดหน้าจะออก ก็ควรหาตัวช่วย เช่น ทองเล็กๆ สักเส้น ไว้เข้าโรงรับจำนำ หรืออาจจะหาเจ้าหนี้ไว้สักคน เผื่อยืมระยะสั้น กรณีฉุกเฉิน เรื่องการเงินมีโอกาสมีปัญหาไม่คาดคิด ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม***

5. พยายามใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ต้องมีข้าวของเครื่องใช้อะไรมากนัก เพื่อลดรายจ่าย ให้น้อยลง ลดการดูแล

6. หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เสียเงินมากขึ้น โดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เช่น การดื่มสิ่งมึนเมา ซึ่งเมื่อกินเข้าไปแล้ว สติควบคุมตัวเองจะเริ่มน้อยลง ใจใหญ่ มีเท่าไหรจ่ายไม่เหลือ พอเงินหมดจึงจะเริ่มมีสติ บางทีก็สายไป เพราะไม่มีเงินเหลือพอให้ใช้จนถึงสิ้นเดือน หรือหมดตัว

 

ความมีระเบียบวินัยในทุกเรื่องมีความสำคัญมากสำหรับคนทำงานอิสระ ทำอาชีพส่วนตัว ไม่เช่นนั้นยากจะประสบความสำเร็จ บางคนใช้เงินเก่งมาก และหมดเร็วมากจนไม่สามารถขยับขยายกิจการได้ หากงานมีปัญหา รายได้ลดลง ก็จะสร้างปัญหาอื่นตามมาทันที